บทความ

การใช้ Main Clause และ Subordinate Clause

รูปภาพ
การใช้ Main Clause และ Subordinate Clause Clause สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ดังต่อไปนี้ 1.Main Clause หรือ Independent Clause คื อ ประโยคใจความหลัก มีความสมบูรณ์ในตัว ประกอบด้วยประธานและภาคแสดง (Subject and Predicate) 2.Subordinate Clause หรือ Dependent Clause อนุประโยคคือประโยคที่ไม่มีความหมายสมบูรณ์ในตัวเอง โดยปกติจะใช้ประกอบ Main Clause เพื่อขยายหรืออธิบาย Main Clause ให้มีแต่ความสมบูรณ์ครบถ้วน ประโยค Subordinate Clause สังเกตง่ายๆ คือจะขึ้นต้นด้วยคำสันธาน Subordinating Conjunction ตัวอย่างเช่น   because, if, when, unless, as soon as, until, while, whereas ตัวอย่างประโยค You will need a password if you subscribe to this online service. (You will need a password – Main Clause, if you subscribe to this online service – Subordinate Clause) Subordinate Clause มี 3 ชนิดโดยแบ่งตามหน้าที่ได้ดังนี้ 1.  Noun Clause นามานุประโยค คืออนุประโยคที่ทำหน้าที่เหมือนเป็นคำนาม ซึ่งหมายความว่ามันจะเป็นประธานของกริยา กรรมของกริยา หรือกรรมของบุพบทก็ได้ ตัวอย่าง

การใช้ If-cause ในสถานการณ์การต่างๆ

รูปภาพ
การใช้ If-cause ในสถานการณ์การต่างๆ 1. ZERO Conditional Sentences วิธีใช้ :  ใช้กับเหตุการณ์ที่เป็นความจริง Zero conditional sentences ใช้สำหรับพูดถึงความจริงทั่วไป โดยใช้ present simple ในประโยคทั้งสองประโยค (ประโยคหนึ่งจะอยู่ในรูปของ if-clause ส่วนอีกประโยคจะอยู่ในรูปของ main-clause ค่ะ)     If + present simple, …. present simple. (คนไทยมักจะเขียนว่า If + subject + V1, subject + V1) ประโยคแบบ zero conditional sentences ใช้พูดถึงกรณีที่ถ้าเกิดสิ่งหนึ่ง ต้องเกิดอีกสิ่งหนึ่งเสมอ เช่น If water  reaches 100 degrees, it  boils . เมื่ออุณหภูมิน้ำสูงเท่ากับ 100 องศาเซลเซียส น้ำจะเดือดเสมอ หรือ If I  eat  peanuts, I  am  sick. ถ้าฉันกินถั่วลิสงฉันจะแพ้ ซึ่งประโยคลักษณะนี้ เราจะใช้คำว่า when (เมื่อ) แทน if ก็ได้ ตัวอย่างเพิ่มเติม If people  eat  too much, they  get  fat. ถ้ากินมากจะอ้วน If you  touch  a fire, you  get  burned. ถ้าแตะไฟก็จะโดนลวก People  die  if they  don’t eat . คนเราจะตายถ้าไม่กินอาหาร เหตุการณ์ที่เป็นความจริงนี้  จะใช้พูดถึงเรื่องจริงทั่วๆไป แต่ conditi

Future

รูปภาพ
Future Simple Tense เพื่อบอกว่าเราจะทำอะไรในอนาคต ขณะพูดยังไม่ได้ทำ เพื่อเสนอทำบางสื่งบางอย่าง หรือเสนอว่าจะไม่ทำสิ่งนั้น เพื่อสัญญาว่าจะทำบางสิ่งบางอย่าง หรือสัญญาว่าจะไม่ทำสิ่งนั้น เพื่อเป็นประโยคสมมติ (If-sentense) เพื่อขอให้คนอื่นทำบางสิ่งบางอย่าง ตัวอย่างคำนิยามข้อที่ 1 We’ll see him tomorrow. พวกเราจะพบเขาพรุ่งนี้ they will leave next week. พวกเขาจะจากไปสัปดาห์หน้า I’ll go home before it rains. ฉันจะกลับไปบ้านก่อนที่ฝนจะตก ตัวอย่างคำนิยามข้อที่ 2 I’ll help you with the work. ฉันจะช่วยคุณทำงานนั้น I’ll bring the book back this afternoon. ฉันจะนำหนังสือกลับมาบ่ายนี้ He has asked me to help him, but I won’t. เขาขอให้ฉันช่วยเขา แต่ฉันไม่ช่วย ตัวอย่างคำนิยามข้อที่ 3 I’ll pay you back on Friday. ฉันจะจ่ายเงินคืนให้คุณในวันศุกร์ I promise I’ll call you as soon as I arrive. ฉันสัญญาว่าฉันจะโทรหาคุณทันทีที่ฉันมาถึง I think I’ll stay home this evening. ฉันคิดว่าฉันจะอยู่บ้านเย็นนี้ ตัวอย่างคำนิยามข้อที่ 4 You’ll be late,

Past

รูปภาพ
Past Simple Tense เราใช้ Tense นี้เพื่อบอกการกระทำเกิดขึ้นในอดีตและเสร็จสิ้นลงไปแล้วในอดีต เราใช้ Tense นี้เพื่อแสดงการกระทำที่เกิดขึ้นบ่อยๆ หรือเป็นปกตินิสัยในอดีต ตัวอย่างคำนิยามข้อที่ 1 We went to Hua Hin last year. เราไปหัวหินเมื่อปีที่แล้ว He gave me the book last week. เขาได้ให้หนังสือแก่ฉันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว I visited Buriram last month . ฉันได้ไปเที่ยวบุรีรัมย์เมื่อเดือนที่แล้ว ตัวอย่างคำนิยามข้อที่ 2 Last year, he often visited her at her home. เมื่อปีที่แล้ว เขาได้ไปเยี่ยมหล่อนที่บ้านบ่อยๆ (แต่ตอนนี้ไม่ได้ไปแล้ว)    He got up early when he was a boy. เขาตื่นแต่เช้าเมื่อเขายังเด็ก(แต่ตอนนี้ไม่ตื่นเช้าแล้ว) บางทีเราใช้ used to + V.1 = เคย (แสดงนิสัยในอดีตแทน) He used to get up when he was a boy. เขาเคยตื่นนอนแต่เช้าเมื่อเขายังเป็นเด็ก They used to smoke every day. พวกเขาเคยสูบบุหรี่ทุกวัน (ตอนนี้เลิกแล้ว) * ใช้ V.2 เสมอในประโยคบอกเล่า หรือ used to + V.1 แต่ในประโยคปฏิเสธ , คำถาม ใช้ didn't + V.1 / Did.....

Present

รูปภาพ
Present Simple Tense      1.  เราใช้ Tense นี้เพื่อแสดงการกระทำที่เป็นปกตินิสัย หรือทำอย่างสม่ำเสมอ      2.   เราใช้ Tense นี้กับเหตุการณ์ที่เป็นจริงเสมอ หรือเป็นจริงโดยธรรมชาติ      3.   เราใช้ Tense นี้เพื่อที่จะบอกอนาคตใกล้ๆ ซึ่งมีคำบอกเวลาในอนาคต ตัวอย่างคำนิยามข้อที่ 1 He always gets up early. เขาตื่นแต่เช้า เสมอ (ทำเป็นประจำ) They watch television every night . พวกเขาดูโทรทัศน์ ทุกคืน (ทำเป็นประจำ) I sometimes work hard. บางครั้ง ฉันก็ทำงานหนัก (ทำบ่อย) ตัวอย่างคำนิยามข้อที่ 2 The sun rises in the east. ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก The earth moves round the sun. โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์ Water boils at 212 Fahrenheit. น้ำเดือดที่อุณหภูมิ 212 องศาฟาเรนไฮต์ ตัวอย่างคำนิยามข้อที่ 3 She comes back this afternoon . หล่อนจะกลับมาในตอนเที่ยงนี้ The train leaves early tomorrow . พรุ่งนี้รถไฟจะออกแต่เช้า We go to Hue Hin tomorrow . พรุ่งนี้เช้าเราจะไปหัวหิน กริยาวิเศษณ์ที่ใช้กับ Tense นี้บ่อยๆ always เสมอๆ / สม่ำเสมอ o